โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กำลังเป็นภัยเงียบที่น่ากังวลในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ล่าสุด กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจ พบ 5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ชี้สาเหตุหลักจากการ ไม่สวมถุงยางอนามัย
นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่าตัวเลขผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบในจังหวัดต่างๆ เป็นข้อมูลที่กรมควบคุมโรคมีการเก็บและติดตามอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ HIV INFO HUB ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลด้านเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี
สถานการณ์น่าห่วง: ซิฟิลิสและหนองในพุ่ง 6 เท่าในกลุ่มวัยรุ่น
นพ.พงศ์ธร ย้ำเตือนว่า การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่มีความกังวลเรื่องความรุนแรงของเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ อัตราการสวมถุงยางอนามัยในวัยรุ่นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจเป็นเพราะประชาชนมองว่าโรคเหล่านี้ไม่เป็นข่าว จึงประมาทและไม่ได้ป้องกันตนเอง
ข้อมูลชี้ชัดว่า การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคซิฟิลิส และโรคหนองใน กลับมาพบสูงขึ้นมากในกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคซิฟิลิสและโรคหนองใน มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์นี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความตระหนักรู้และการป้องกัน
5 จังหวัดที่น่าจับตา: ไม่ใช่แค่มหาสารคาม
นพ.พงศ์ธร ระบุว่า จังหวัดมหาสารคามไม่ใช่จังหวัดเดียวที่น่ากังวล หากพิจารณาจากผู้ป่วยรายใหม่ที่ไม่ได้เปรียบเทียบตามสัดส่วนประชากร พบว่าจังหวัดที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้นและมีความน่ากังวล ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ และนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
ป้องกันตนเอง: ถุงยางอนามัยคือทางออกที่จำเป็น
สิ่งสำคัญที่สุดที่กองโรคเอดส์ฯ ต้องการสื่อสารไปยังประชาชนคือ การสร้างความตระหนักรู้ในการ ป้องกันส่วนบุคคล เพื่อลดโอกาสติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การ สวมถุงยางอนามัย ไม่เพียงแต่ช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ แต่ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย