ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้ตามปกติ แต่เซลล์ในร่างกายกลับตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่มักเกิดขึ้นก่อนการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
อินซูลินทำงานอย่างไร? 🔑
อินซูลินเปรียบเสมือน “กุญแจ” ที่ทำหน้าที่เปิดประตูให้ “น้ำตาลกลูโคส” ในกระแสเลือดเข้าไปในเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน เมื่อเรากินอาหาร ร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงเกินไป
ภาวะดื้ออินซูลินเกิดขึ้นได้อย่างไร? 🧱
เมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลิน:
- เซลล์เกิด “อาการดื้อ”: เซลล์กล้ามเนื้อ ตับ และไขมัน “ไม่ยอมรับ” กุญแจอินซูลิน ทำให้ประตูเซลล์เปิดได้ยาก น้ำตาลจึงเข้าสู่เซลล์ได้น้อยลง
- น้ำตาลค้างในเลือด: น้ำตาลกลูโคสส่วนใหญ่จึงค้างอยู่ในกระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้น
- ตับอ่อนทำงานหนัก: ตับอ่อนจึงต้องผลิตอินซูลินออกมาในปริมาณที่ “มากกว่าปกติ” เพื่อพยายามผลักดันน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ให้ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานหนักของตับอ่อนในระยะยาว
ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?
ภาวะดื้ออินซูลินมักเกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตเป็นหลัก โดยเฉพาะในผู้ที่มี:
- ภาวะอ้วนลงพุง (Obesity/Visceral Fat): โดยเฉพาะไขมันที่สะสมรอบอวัยวะภายใน
- ขาดการออกกำลังกาย: การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย
- การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม: เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
- ภาวะไขมันในเลือดสูง หรือ ความดันโลหิตสูง
สัญญาณเตือนที่สังเกตได้ (อาจมีหรือไม่มีอาการก็ได้)
- มีผิวคล้ำหรือหนาขึ้นบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ (Acanthosis Nigricans)
- รู้สึกหิวบ่อย กินเยอะขึ้น
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าผิดปกติ
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ (แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์เบาหวาน)
สรุปและทางออก 🩺
ภาวะดื้ออินซูลิน คือ “จุดเริ่มต้น” ของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ข่าวดี คือเราสามารถแก้ไขภาวะนี้ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเน้นที่:
- ลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมอาหาร ลดแป้งและน้ำตาล
การแก้ไขภาวะดื้ออินซูลินตั้งแต่เนิ่น ๆ คือการป้องกันโรคเบาหวานที่ดีที่สุด
